เนื้อความทั้งหมด :-(คำอธิบายตามนัยแห่งคัมภีร์ธัมมสังคณี อภิธัมมปิฎก ๓๔/๓๐๖/๗๘๐ มีดังนี้ :-)--ธรรมทั้งหลายชื่อ อุปาทาน เป็นอย่างไร ? อุปาทานสี่ คือ กามุปาทาน ทิฏฐุปาทาน สีลัพพตุปาทาน และอัตตวาทุปาทาน.--ในอุปาทานสี่นั้น, กามุปาทาน เป็นอย่างไร ? กามฉันทะ (ความพอใจในกาม) กามราคะ (ความยินดีในกาม) กามนันทิ (ความเพลินในกาม) กามตัณหา (ความทะยานอยากในกาม) กามสิเนหะ (ความเยื่อใยในกาม) กามปริฬาหะ (ความเร่าร้อนในกาม) กามมุจฉา (ความสยบในกาม) กามัชโฌสานะ (ความเมาหมกในกาม) ในกามทั้งหลายใดๆ. นี้ เรียกว่า--กามุปาทาน.--ในอุปาทานสี่นั้น, ทิฏฐุปาทาน เป็นอย่างไร ? “ของที่ให้แล้วไม่มี, ของที่บูชาแล้วไม่มี, ของที่บวงสรวงแล้วไม่มี, ผลวิบากแห่งกรรมที่ทำดีทำชั่วไม่มี, โลกนี้ไม่มี, โลกอื่นไม่มี, มารดาไม่มี, บิดาไม่มี, สัตว์ผู้โอปปาติกะไม่มี, เหล่าสมณพราหมณ์ผู้ไปถูก ปฏิบัติถูก คือผู้ที่ทำให้แจ้งโลกนี้และโลกอื่น ด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้วจึงประกาศให้รู้ไม่มีในโลก”. ความเห็นมีลักษณะดังกล่าวนี้ใดๆ เป็นทิฏฐิ, ไปแล้วด้วยทิฏฐิ, รกชัฏด้วยทิฏฐิ, กันดารด้วยทิฏฐิ, เป็นข้าศึกด้วยทิฏฐิ, โยกโคลงด้วยทิฏฐิ, รึงรัดไว้ด้วยทิฏฐิ, การจับ, การจับยึดไว้, การยึดถือเอาไว้อย่างแน่นหนา, การลูบคลำ, มรรคที่ชั่วช้า, ทางที่ผิด, ความเป็นที่ผิด, การสืบต่อลัทธิที่ผิด, ถือการแสวงหาในด้านที่ผิด. นี้ เรียกว่า ทิฏฐุปาทาน. ยกเว้น สีลัพพตุปาทาน และอัตตวาทุปาทานเสียแล้ว แม้ทั้งหมดเป็นมิจฉาทิฏฐิสิ้น ชื่อทิฏฐุปาทาน.--ในอุปาทานสี่นั้น, สีลัพพตุปาทาน เป็นอย่างไร ? “ความสะอาดด้วยศีล, ความสะอาดด้วยวัตร ความสะอาดด้วยศีลพรตของเหล่าสมณพราหมณ์ ในภายนอกแต่ศาสนานี้”. ความเห็นมีลักษณะดังกล่าวนี้ใดๆ เป็นทิฏฐิ, ไปแล้วด้วยทิฏฐิ, รกชัฏด้วยทิฏฐิ, กันดารด้วยทิฏฐิ, เป็นข้าศึกด้วยทิฏฐิ, โยกโคลงด้วยทิฏฐิ, รึงรัดไว้ด้วยทิฏฐิ, การจับ, การจับยึดไว้, การยึดถือเอาไว้อย่างแน่นหนา, การลูบคลำ, มรรคที่ชั่วช้า, ทางที่ผิด, ความเป็นที่ผิด, การสืบต่อลัทธิที่ผิด, ถือการแสวงหาในด้านที่ผิด. นี้ เรียกว่า สีลัพพตุปาทาน.--ในอุปาทานสี่นั้น. อัตตวาทุปาทาน เป็นอย่างไร ? บุถุชนผู้ไม่ได้ยินได้ฟังในโลกนี้ ไม่ได้เห็นเหล่าพระอริยเจ้า ไม่ฉลาดในธรรมของพระอริยเจ้า ไม่ถูกแนะนำในธรรมของพระอริยเจ้า, ไม่ได้เห็นเหล่าสัตบุรุษ ไม่ฉลาดในธรรมของสัตบุรุษ ไม่ถูกแนะนำในธรรมของสัตบุรุษ; ย่อมเห็นเนื่องอยู่เสมอซึ่ง รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ว่าเป็นอัตตาก็ดี, ย่อมเห็นเนื่องอยู่เสมอ ซึ่งอัตตา เป็นรูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาณก็ดี, ย่อมเห็นเนื่องอยู่เสมอซึ่งรูป เวทนา สังขารและวิญญาณว่ามีอยู่ในอัตตาก็ดี, หรือว่า ย่อมเห็นเนื่องอยู่เสมอ ซึ่งอัตตาว่ามีอยู่ ในรูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาณก็ดี. ความเห็นมีลักษณะดังกล่าวนี้ใดๆ เป็นทิฏฐิ, ไปแล้วด้วยทิฏฐิ, รกชัฏด้วยทิฏฐิ, กันดารด้วยทิฏฐิ, เป็นข้าศึกด้วยทิฏฐิ, โยกโคลงด้วยทิฏฐิ, รึงรัดไว้ด้วยทิฏฐิ, การจับ, การจับยึดไว้, การยึดถือเอาไว้อย่าง--แน่นหนา, การลูบคลำ, มรรคที่ชั่วช้า, ทางที่ผิด, ความเป็นที่ผิด, การสืบต่อลัทธิที่ผิด, ถือการแสวงหาในด้านที่ผิด. นี้เรียกว่า อัตตวาทุปาทาน.--เหล่านี้ คือ ธรรมทั้งหลาย ชื่อ อุปาทาน.--รากเง่าแห่งอุปาทานขันธ์--“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! อุปาทานขันธ์ มีแต่เพียงห้าอย่าง คือ รูปขันธ์ที่ยังมีอุปาทาน ๑ เวทนาขันธ์ที่ยังมีอุปาทาน ๑ สัญญาขันธ์ที่ยังมีอุปาทาน ๑ สังขารขันธ์ที่ยังมีอุปาทาน ๑ และวิญญาณขันธ์ที่ยังมีอุปาทาน ๑ เหล่านี้ เท่านั้นหรือ ?--ภิกษุ ! อุปาทานขันธ์ มีแต่เพียงห้าอย่าง คือ รูปขันธ์ที่ยังมีอุปาทาน ๑ เวทนาขันธ์ที่ยังมีอุปาทาน ๑ สัญญาขันธ์ที่ยังมีอุปาทาน ๑ สังขารขันธ์ที่ยังมีอุปาทาน ๑ และวิญญาณขันธ์ที่ยังมีอุปาทาน ๑ เหล่านี้ เท่านั้น.--“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ก็อุปาทานขันธ์ห้าเหล่านี้ มีอะไรเป็นรากเง่าเล่าพระเจ้าข้า ?”--ภิกษุ ! อุปาทานขันธ์ห้าเหล่านี้ มีฉันทะ (ความพอใจ) เป็นรากเง่า แล.- |